“กบเหลาดินสอ ตัวหนังสือคุยกัน มะเฟืองรอฝาน
เชือกกล้วยมัดต้นกล้วย เท่าดวงอาทิตย์ มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ ยอดมนุษย์ลำลอง ใจประทับใจ
นิทานล้านบรรทัด สมุดขบ ”
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในผลงานการเขียนของ
“ประภาส ชลศรานนท์” นักคิด นักเขียน นักแต่งเพลง ผู้กำกับ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท
เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กับปัญญา นิรันดร์กุล
แต่ผลงานการเขียนของ
“ประภาส ชลศรานนท์” ที่ชอบมากที่สุดก็คือ “นิทานล้านบรรทัด” หนังสือเล่มนี้จะประกอบไปด้วยนิทาน
15 เรื่อง ที่ผู้เขียนได้แต่งเรื่องราวขึ้นเอง โดยตัวละคร จะเป็นสิ่งที่ง่ายๆ สิ่งใกล้ตัว
หรือสิ่งที่เกิดขึ้นจากชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างน่าสนใจ
อย่างเช่นเรื่อง “นางสาวเพลินเดินทางรอบโลก”
|
นิทานล้านบรรทัด
|
“นางสาวเพลินเดินทางรอบโลก”
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ชื่อ เพลิน เธอมีความฝันว่า “เธอจะต้องเดินทางรอบโลก”
เธอเฝ้ามองรูปภาพประเทศต่างๆในโทรทัศน์อย่างสนอกสนใจ งานวันเด็กครั้งหนึ่งตอนที่เด็กหญิงเพลินยังอยู่ชั้นประถมต้น
เด็กหญิงเพลินขึ้นเวทีตอบคำถามแข่งขันเกี่ยวกับธงชาติของนานาประเทศได้รางวัลที่สอง
เธอพลาดธงชาติของประเทศเปรูแค่ประเทศเดียว และเมื่อขึ้นมัธยมปลาย นางสาวเพลินก็ได้รางวัลชนะเลิศประกวดเรียงความ
“โลกกว้างใหญ่มีอะไรให้เรียนรู้”
ตอนที่เธอได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
ของขวัญที่เธอชอบมันมากที่สุดคือดิคชันนารี 4 ภาษา เธอบอกกับใครๆว่ามันจะทำให้ความฝันของเธอสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“ฉันจะต้องเดินทางรอบโลกให้ได้” เพลินบอกกับแฟนหนุ่ม “เสียดายที่ฉันไม่ได้เลือกเอกอังกฤษตั้งแต่แรก” เพลินเลือกเรียนต่อปริญญาโทด้านภูมิศาสตร์ด้วยความคิดว่า
การจะรู้จักประเทศต่างๆด้านวัฒนธรรมอย่างเดียวไม่พอเพียงที่จะทำให้รู้จักประเทศนั้นดีพอ
วันแต่งงานของเพลินหลังจากจบปริญญาโทไม่ถึงปี เพลินกับเจ้าบ่าวตั้งใจว่าจะไปฮันนีมูนที่เวียงจันทน์
ใครจะค่อนว่าอย่างไรเพลินก็ไม่สนใจ เพราะจากหนังสือท่องเที่ยวที่เธอศึกษามา เวียงจันทน์เป็นเมืองที่น่ารักในสายตาเธอ
และที่สำคัญจะเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเธอ แต่แล้วเธอก็ไม่ได้ไปลาว เจ้าบ่าวของเธอเกิดเป็นอีสุกอีใส
เพลินหย่ากับสามีตอนที่ลูกชายคนเดียวของเธอเพิ่งเข้าอนุบาล
ความคิดความฝันเรื่องการเดินทางรอบโลกยังไม่หายไปไหน แม้จะต้องทำงานหนักและยังต้องเป็นทั้งพ่อและทั้งแม่ของลูก
เพลินลงเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เธอสอนลูกของเธอทุกครั้งที่มีโอกาสว่าให้สนใจภาษาอังกฤษมากๆไว้
เพราะมันจะทำให้เราสื่อสารกับใครก็ได้ในโลก
ตอนที่ลูกของเพลินกำลังจะขึ้นมัธยมต้น ผู้จัดการบริษัทที่เธอทำงานอยู่ได้นำข่าวดีมาบอกเธอในเช้าวันหนึ่ง
“บริษัทจะส่งพนักงานไปทำเวิร์คชอปที่จีน 2 เดือน คุณเพลินเป็นคนหนึ่งที่บริษัทเลือก
ถ้าคุณเพลินสมัครใจ” การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
หลังจากที่พูดคุยวางแผนที่จะให้ลูกชายไปพักอยู่กับญาติห่างๆคนหนึ่งสำเร็จ
คืนนั้นเพลินก็เกิดอาการลังเล “คนที่จีนพูดภาษาอังกฤษกันน้อยมาก
แล้วเราจะสื่อสารกับเขาได้หรือ” เพลินคิดเรื่องนี้จนนอนไม่หลับ แล้วเธอก็คิดอย่างนี้ไปอีกทั้งสัปดาห์
ในที่สุดเธอก็ปฏิเสธที่จะไปเมืองจีน
เธอบอกกับลูกของเธอว่า การเราจะไปเที่ยวที่ไหนนั้นเราต้องเตรียมตัวให้ดีก่อน ว่าแล้ววันรุ่งขึ้นเธอก็ไปสมัครเรียนภาษาจีน
เผื่อไว้ว่าวันข้างหน้าถ้าโอกาสมันจะกลับมาหาเธออีกครั้ง
ตอนที่ลูกชายเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย
บริษัทที่เธอทำงานอยู่ต้องปิดบริษัทไปด้วยไม่สามารถสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจไหว ตลอด 5 ปีที่เธอหางานประจำทำไม่ได้ เธอก็หารายได้ด้วยการรับจ้างแปลเอกสาร
แม้จะยังไม่ได้เดินทางไปไหนเลย
แต่เพลินก็เก็บสะสมหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆไว้มากมาย จนแทบจะพูดได้เลยว่าหนังสือในตู้ห้องนอนเธอมากกว่าครึ่งเป็นหนังสือท่องเที่ยว
ส่วนที่เหลือก็เป็นหนังสือเรียนภาษาต่างๆด้วยตัวเอง
ปีหน้าคุณยายเพลินจะมีอายุครบ 72 ปีแล้ว
แม้จะรู้ว่ามันยาก
แต่ลูกชายของเธอกำลังหาทางชวนเธอขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวฮ่องกงหรือสิงคโปร์สักวันสองวัน
ให้ได้ชื่อว่าได้เดินทางออกนอกบ้านสักที
คุณยายเพลินมักจะบอกกับนักเรียนที่มาติวภาษาที่บ้านของเธอว่า
“จะเดินทางไปไหนต้องรู้จักที่นั่นให้ดีก่อน แล้วเว็บไซท์ที่เกี่ยวกับฮ่องกงหรือสิงคโปร์อะไรแถวนี้
ก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ๆ ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ ยายก็รู้หมดแล้ว”
“มันต้องรู้มากกว่านี้สิ ถึงจะออกเดินทางได้”
หนังสือเล่มนี้
ทำให้เราได้หลักในการใช้ชีวิตของตัวเองว่า ถ้าจะเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ
หรือทำตามความฝันของตัวเอง ถ้าเรามัวแต่รอให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์ โดยไม่กล้าที่จะเสี่ยง
ไม่กล้าที่จะลงมือทำ ก็เหมือนกับเรายังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย เหตุการณ์ข้างหน้า ไม่มีใครรู้ก่อน
ปัญหาที่เกิด ต้องแก้ไขไปเรื่อย ๆ ตามเหตุการณ์ ต้องใช้ความกล้าที่จะเผชิญ อย่ากลัว
ที่จะก้าวออกไปเรียนรู้ ถึงแม้จะลองผิดลองถูก แต่สิ่งเหล่านั้น จะทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต
“ต้องใช้ความกล้าหาญเท่าไร
จึงจะเล่าความฝันของเราให้คนอื่นฟังได้
………..
อีกวิธีหนึ่งที่นิยมไม่น้อยไปกว่าใช้ความกล้าหาญเล่า
ก็คือ ทำให้เขาเห็น”
----------------------------------------------------------------
ประภาส ชลศรานนท์
แล้วคุณจะมัวรออะไร ??
หากมีความฝัน อย่ามัวแต่เล่าความฝันให้คนอื่นฟัง แต่ลงมือทำความฝันให้คนอื่นได้เห็นเลยจะดีกว่า
คุณว่าจริงไหม ?? …………
.... วันนี้ สวัสดี J ....
l l P O N Y P L O Y l l
****************************
หนังสือ: นิทานล้านบรรทัด
ผู้เขียน:
ประภาส ชลศรานนท์
สำนักพิมพ์: a book