12.14.2555

ไอโฟนห้า(แถว)



สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกคน


สมัยนี้การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ถึงจะอยู่กันคนละซีกโลก แต่ก็สามารถคุยกันได้เพียงมี “สมาร์ทโฟน” เพราะเทคโนโลยีสมัยนี้มีความทันสมัย และเทคโนโลยียังสามารถเข้าถึงผู้คนได้ง่ายขึ้น อย่างปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็จะต้องเห็นผู้คนใช้สมาร์ทโฟนกัน นอกจากจะใช้เป็นโทรศัพท์แล้ว สมาร์ทโฟนยังสามารถเข้าอินเทอร์เน็ตได้ ถ้าเรามีสามาร์ทโฟนในมือ ก็เหมือนเรามีคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่จะพกพาไปไหนก็ได้

เมื่อเดือนก่อนเห็นแผ่น "โปรชัวร์ iPhone 5” ภายในโปรชัวร์ จะเปรียบเทียบราคาจากค่ายโทรศัพท์ต่างๆในเมืองไทย เป็นการช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะซื้อจากค่าย แต่การจะซื้อ iPhone 5 นั้น ไม่ใช่เดินเข้าร้านมือถือแล้วจะซื้อได้เลย จะต้องมีการจองกันก่อนที่สินค้าจะมาถึงไทยเสียอีก ซึ่งการจองจะเป็นการจองผ่านเว็บไซค์ของค่ายโทรศัพท์ต่างๆ ก็มีผู้กดจอง iPhone 5 ผ่านเว็บไซต์ หมดภายใน 6 นาที ถือว่าเป็นการจองเครื่องที่หมดเร็วที่สุดตั้งแต่เปิดให้จองในรุ่นอื่น ๆ 


“โปรชัว iPhone 5”
iPhone 5 ดีกว่าเดิมอย่างไร ??

         หน้าจอใหญ่ขึ้น แม้ การกระโดดจากจอ 3.5 นิ้วไปเป็น 4 นิ้วจะไม่ได้เป็นการเพิ่มขนาดที่มากมายนัก การเพิ่มหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นของ iPhone 5 ทำให้มันมีพื้นที่แสดงผลเพิ่มสำหรับ "ไอคอน" ของแอพฯ บนหน้าจอโฮมได้ถึง 5 แถว จึงเรียก iphone รุ่นนี้ว่า "ไอโฟน 5 แถว"

บางเบากว่าเดิม เมื่อรวมความรู้สึกในการได้ถือ iPhone 5 ที่บาง และเบากว่าเดิม ประกอบกับหน้าจอทีใหญ่ขึ้น และสว่างยิ่งขึ้น แถมยังแบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้นไปอีก มันทำให้รู้สึกว่า ความบางเบาของ iPhone 5 มีค่า และความหมายกว่านั้นจริงๆ

โพรเซสเซอร์ทีทำงานเร็วขึ้น iPhone 5 จะมาพร้อมกับชิป A6 ทีทำให้คุณสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มที่ทั้งเรื่องของการเล่นเกมส์ ที่กราฟิกลื่นไหล หรือการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ที่ทำให้ดูแล้วไม่สะดุด ตลอดจนการเล่นแอพฯ ต่างๆ ที่รวดเร็วทันใจ A6 ใน iPhone 5 ทำงานเร็วกว่า A5 ใน iPhone 4S ถึงสองเท่า!!!

หูฟัง Earpod ที่ใช้เวลาพัฒนาถึง 3 ปี เพื่อให้ได้หูฟังแบบใหม่ที่สามารถใส่ได้นานโดยไม่เจ็บหู นอกจากดีไซน์มันจะน่าค้นหาแล้ว เสียงมันยังออกมาดีกว่าหูฟังรุ่นเดิมๆ


iphone 5 


ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นใน iphone 5 ที่แตกต่างจากเดิม ก็ไม่น่าจะแปลก ที่มีคนจะมาต่อแถวกันข้ามคืน เพื่อที่จะรอรับ iphone 5 ที่พวกเขารอคอย ซึ่งในเมืองไทยจะเห็นจากภาพข่าวว่า มีคนไปต่อแถวหน้าศูนย์การค้าสยามพารากอนกันมากมาย จนล้นออกมาที่ถนนเลยทีเดียว ทำให้ตำรวจต้องมารักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าศูนย์การค้าสยามพารากอนเป็นพิเศษ



คนต่อแถวกันซื้อ iphone 5 ที่ห้างสยามพารากอน 



สุดท้ายนี้ เทคโนโลยีก็เหมือนดาบ2คม ที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่า จะเลือกใช้เทคโนโลยีในด้านใด บางคนใช้เพราะเห็นคนอื่นใช้ หรือบางคนใช้เพราะวัตถุนิยม ดังนั้นสังคมก็มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าซื้อมาด้วยเหตุผลที่ตามกระแสสังคม ก็อย่าซื้อเลย เพราะมันจะไม่คุ้มค่ากับราคาที่เราเสียเงินซื้อไป แต่ถ้าคิดว่าซื้อแล้วนำไปใช้ในทางสร้างสรรค์ ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คุ้มค่ากับราคาที่เสียเงินซื้อไป ก็ซื้อมาใช้เถอะคะ :D






.... วันนี้ สวัสดี J ....
l l P O N Y P L O Y l l





11.27.2555

สิ่งใกล้ๆตัว :D


สวัสดีค่ะ ^^

          สมัยนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็จะเห็นโปสเตอร์โฆษณา หรือประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆมากมาย โปสเตอร์ต่างๆเหล่านั้น ถือเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ชนิดหนึ่งค่ะ สื่อสิ่งพิมพ์ ก็คือ สื่อที่ใช้การพิมพ์เป็นหลักเพื่อติดต่อสื่อสาร ไม่ว่าวัสดุที่ใช้พิมพ์จะเป็นวัสดุใดก็ตาม เช่น กระดาษ แผ่นซีดี บัตรเอทีเอ็ม หรือแม้แต่เหรียญ ก็จัดว่าเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้ได้ผ่านการสำเนา การคัดลอก และพิมพ์ออกมาเพื่อการสื่อสาร

          สิ่งสิ่งพิมพ์ เป็นสื่อที่เข้าถึงผู้รับสารได้ง่าย เพราะ สื่อสิ่งพิมพ์อาจเรียกได้ว่า เป็นสื่อที่อยู่ใกล้ตัวของเราจริงๆ เพื่อนๆลองมองไปรอบๆ ตัวสิ ว่ารอบๆตัว มีสื่อสิ่งพิมพ์อะไรบ้าง อืมมมม “ กล่องหมากฝรั่ง เปลือกลูกอม ยี่ห้อนาฬิกา ห่อขนม ปฎิทิน แบงค์ โปสเตอร์ ………” เห็นไหมคะ ว่าสื่อสิ่งพิมพ์อยู่รอบตัวของเราจริงๆ

          ในเมื่อ สื่อสิ่งพิมพ์ เป็นสิ่งที่เข้าถึงผู้รับสารได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะถ้าออกแบบให้สื่อความหมายตรงตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งออกแบบให้มีความสวยงาม สะดุดตาหรือออกแบบให้มีความหมายแฝง ก็จะทำให้ผู้รับสารจดจำได้ และถ้าสารนั้นต้องการจะขายสิ้นค้า ก็จะเป็นที่สนใจของผู้บริโภคค่ะ

          วันนี้ก็เลยจะมาแนะนำ สื่อสิ่งพิมพ์ ที่ทำให้เราสนใจอยากจะไปเลยค่ะ >< นั่นก็คือ โปสเตอร์คอนเสิร์ต SMTOWN LIVE WORLD TOUR III IN BANGKOK
โปสเตอร์คอนเสิร์ต

          เหตุผลที่ชอบอย่างแรกก็คือ สีสัน ผู้ออกแบบเลือกสีที่ใช้ในการออกแบบ 3 สีคือ ชมพู ขาวและดำ มาเป็นสีหลักในการออกแบบ สีทั้ง 3 สี เป็นสีที่ตัดกัน แต่พอนำมาออกแบบ กลายเป็นสิ่งที่โดนเด่น สะดุดตา และน่าสนใจ

          ด้วยตัวอักษรที่ใช้ในการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของตัวอักษรและขนาดของตัวอักษร ดูลงตัวและสามารถเข้ากับสีพื้นหลังได้ดี การจัดวางตัวอักษรสื่อความหมายได้ชัดเจน เพราะมีทั้ง ชื่อคอนเสิร์ต สถานที่จัดงาน และที่จำหน่ายบัตร



ตัวอย่างเสื้อ

เสื้อที่ศิลปินใส่แสดง

          และวัตถุประสงค์ของโปสเตอร์นี้คือ โปรโมทคอนเสิร์ต จึงมีการตบแต่งด้วยลูกโป่ง รถม้า (น่าจะหมายถึงการพาความสุข ความสนุก มาสู่ทุกคน) และการ์ตูนต่างๆ การใส่ตัวการ์ตูนลงไปนอกจากจะให้เข้ากับวัตุประสงค์ของงานแล้ว การ์ตูนในโปสเตอร์จะนำไปทำเป็นเสื้อ สำหรับศิลปินใส่ในวันแสดงคอนเสิร์ตและยังทำจำหน่ายสำหรับแฟนคลับด้วย J



          สุดท้ายนี้ อยากฝากไว้ว่า คนทุกคน ล้วนมีความแตกต่างกัน ทั้งวิถีชีวิต ประสบการณ์ ดังนั้นถ้าจะให้คนอื่นมาชอบเหมือนเรา มันก็เป็นไปไม่ได้ หรือถ้าจะให้เรา ไปชอบเหมือนกับคนอื่น เราก็ทำไม่ได้ แต่ถึงแม้ว่าเรา จะมีความความชอบที่แตกต่างกัน แต่เราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ถ้าทุกคน “เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน”



.... วันนี้ สวัสดี J ....
l l P O N Y P L O Y l l





11.13.2555

You are Inspiration :D



“กบเหลาดินสอ ตัวหนังสือคุยกัน มะเฟืองรอฝาน เชือกกล้วยมัดต้นกล้วย เท่าดวงอาทิตย์ มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ ยอดมนุษย์ลำลอง ใจประทับใจ นิทานล้านบรรทัด สมุดขบ ”  

          ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในผลงานการเขียนของ “ประภาส ชลศรานนท์” นักคิด นักเขียน นักแต่งเพลง ผู้กำกับ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กับปัญญา นิรันดร์กุล

          แต่ผลงานการเขียนของ “ประภาส ชลศรานนท์” ที่ชอบมากที่สุดก็คือ “นิทานล้านบรรทัด” หนังสือเล่มนี้จะประกอบไปด้วยนิทาน 15 เรื่อง ที่ผู้เขียนได้แต่งเรื่องราวขึ้นเอง โดยตัวละคร จะเป็นสิ่งที่ง่ายๆ สิ่งใกล้ตัว หรือสิ่งที่เกิดขึ้นจากชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างน่าสนใจ อย่างเช่นเรื่อง นางสาวเพลินเดินทางรอบโลก”

นิทานล้านบรรทัด
นางสาวเพลินเดินทางรอบโลก”
          มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ เพลิน เธอมีความฝันว่า เธอจะต้องเดินทางรอบโลก” เธอเฝ้ามองรูปภาพประเทศต่างๆในโทรทัศน์อย่างสนอกสนใจ งานวันเด็กครั้งหนึ่งตอนที่เด็กหญิงเพลินยังอยู่ชั้นประถมต้น เด็กหญิงเพลินขึ้นเวทีตอบคำถามแข่งขันเกี่ยวกับธงชาติของนานาประเทศได้รางวัลที่สอง เธอพลาดธงชาติของประเทศเปรูแค่ประเทศเดียว และเมื่อขึ้นมัธยมปลาย นางสาวเพลินก็ได้รางวัลชนะเลิศประกวดเรียงความ โลกกว้างใหญ่มีอะไรให้เรียนรู้”
          ตอนที่เธอได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ของขวัญที่เธอชอบมันมากที่สุดคือดิคชันนารี 4 ภาษา เธอบอกกับใครๆว่ามันจะทำให้ความฝันของเธอสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
          ฉันจะต้องเดินทางรอบโลกให้ได้” เพลินบอกกับแฟนหนุ่ม เสียดายที่ฉันไม่ได้เลือกเอกอังกฤษตั้งแต่แรก”   เพลินเลือกเรียนต่อปริญญาโทด้านภูมิศาสตร์ด้วยความคิดว่า การจะรู้จักประเทศต่างๆด้านวัฒนธรรมอย่างเดียวไม่พอเพียงที่จะทำให้รู้จักประเทศนั้นดีพอ
           วันแต่งงานของเพลินหลังจากจบปริญญาโทไม่ถึงปี เพลินกับเจ้าบ่าวตั้งใจว่าจะไปฮันนีมูนที่เวียงจันทน์ ใครจะค่อนว่าอย่างไรเพลินก็ไม่สนใจ เพราะจากหนังสือท่องเที่ยวที่เธอศึกษามา เวียงจันทน์เป็นเมืองที่น่ารักในสายตาเธอ และที่สำคัญจะเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเธอ แต่แล้วเธอก็ไม่ได้ไปลาว เจ้าบ่าวของเธอเกิดเป็นอีสุกอีใส
           เพลินหย่ากับสามีตอนที่ลูกชายคนเดียวของเธอเพิ่งเข้าอนุบาล ความคิดความฝันเรื่องการเดินทางรอบโลกยังไม่หายไปไหน แม้จะต้องทำงานหนักและยังต้องเป็นทั้งพ่อและทั้งแม่ของลูก
           เพลินลงเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เธอสอนลูกของเธอทุกครั้งที่มีโอกาสว่าให้สนใจภาษาอังกฤษมากๆไว้ เพราะมันจะทำให้เราสื่อสารกับใครก็ได้ในโลก
           ตอนที่ลูกของเพลินกำลังจะขึ้นมัธยมต้น ผู้จัดการบริษัทที่เธอทำงานอยู่ได้นำข่าวดีมาบอกเธอในเช้าวันหนึ่ง บริษัทจะส่งพนักงานไปทำเวิร์คชอปที่จีน 2 เดือน คุณเพลินเป็นคนหนึ่งที่บริษัทเลือก ถ้าคุณเพลินสมัครใจ” การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
          หลังจากที่พูดคุยวางแผนที่จะให้ลูกชายไปพักอยู่กับญาติห่างๆคนหนึ่งสำเร็จ คืนนั้นเพลินก็เกิดอาการลังเล คนที่จีนพูดภาษาอังกฤษกันน้อยมาก แล้วเราจะสื่อสารกับเขาได้หรือ” เพลินคิดเรื่องนี้จนนอนไม่หลับ แล้วเธอก็คิดอย่างนี้ไปอีกทั้งสัปดาห์
          ในที่สุดเธอก็ปฏิเสธที่จะไปเมืองจีน เธอบอกกับลูกของเธอว่า การเราจะไปเที่ยวที่ไหนนั้นเราต้องเตรียมตัวให้ดีก่อน ว่าแล้ววันรุ่งขึ้นเธอก็ไปสมัครเรียนภาษาจีน เผื่อไว้ว่าวันข้างหน้าถ้าโอกาสมันจะกลับมาหาเธออีกครั้ง
          ตอนที่ลูกชายเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย บริษัทที่เธอทำงานอยู่ต้องปิดบริษัทไปด้วยไม่สามารถสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจไหว  ตลอด 5 ปีที่เธอหางานประจำทำไม่ได้ เธอก็หารายได้ด้วยการรับจ้างแปลเอกสาร
          แม้จะยังไม่ได้เดินทางไปไหนเลย แต่เพลินก็เก็บสะสมหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆไว้มากมาย จนแทบจะพูดได้เลยว่าหนังสือในตู้ห้องนอนเธอมากกว่าครึ่งเป็นหนังสือท่องเที่ยว ส่วนที่เหลือก็เป็นหนังสือเรียนภาษาต่างๆด้วยตัวเอง
           ปีหน้าคุณยายเพลินจะมีอายุครบ 72 ปีแล้ว
          แม้จะรู้ว่ามันยาก แต่ลูกชายของเธอกำลังหาทางชวนเธอขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวฮ่องกงหรือสิงคโปร์สักวันสองวัน ให้ได้ชื่อว่าได้เดินทางออกนอกบ้านสักที
           คุณยายเพลินมักจะบอกกับนักเรียนที่มาติวภาษาที่บ้านของเธอว่า จะเดินทางไปไหนต้องรู้จักที่นั่นให้ดีก่อน แล้วเว็บไซท์ที่เกี่ยวกับฮ่องกงหรือสิงคโปร์อะไรแถวนี้ ก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ๆ ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ ยายก็รู้หมดแล้ว”
           มันต้องรู้มากกว่านี้สิ ถึงจะออกเดินทางได้”



         หนังสือเล่มนี้ ทำให้เราได้หลักในการใช้ชีวิตของตัวเองว่า ถ้าจะเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ หรือทำตามความฝันของตัวเอง ถ้าเรามัวแต่รอให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์ โดยไม่กล้าที่จะเสี่ยง ไม่กล้าที่จะลงมือทำ ก็เหมือนกับเรายังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย เหตุการณ์ข้างหน้า ไม่มีใครรู้ก่อน ปัญหาที่เกิด ต้องแก้ไขไปเรื่อย ๆ ตามเหตุการณ์ ต้องใช้ความกล้าที่จะเผชิญ อย่ากลัว ที่จะก้าวออกไปเรียนรู้ ถึงแม้จะลองผิดลองถูก แต่สิ่งเหล่านั้น จะทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิต

                    ต้องใช้ความกล้าหาญเท่าไร
                    จึงจะเล่าความฝันของเราให้คนอื่นฟังได้
                    ………..
                    อีกวิธีหนึ่งที่นิยมไม่น้อยไปกว่าใช้ความกล้าหาญเล่า
                    ก็คือ ทำให้เขาเห็น  
                ---------------------------------------------------------------- ประภาส ชลศรานนท์
          แล้วคุณจะมัวรออะไร ?? หากมีความฝัน อย่ามัวแต่เล่าความฝันให้คนอื่นฟัง แต่ลงมือทำความฝันให้คนอื่นได้เห็นเลยจะดีกว่า คุณว่าจริงไหม ?? …………
 .... วันนี้ สวัสดี J ....
l l P O N Y P L O Y l l 
                
****************************
                                                                                                     หนังสือ: นิทานล้านบรรทัด
                                                                                                     ผู้เขียน: ประภาส ชลศรานนท์
                                                                                                     สำนักพิมพ์: a book







10.11.2555

พิมพ์ไว้ในใจ :D




สวัสดีค่ะ

กลับมาพบกันอีกครั้งนะค่ะ

หลังจากที่หายไปนานมากกกกกก
 



          คงแปลกใจกัน ว่าทำไมวันนี้มาเป็นชื่อเพลง นี่ไม่ได้มาโปรโมทเพลงนะ แต่วันนี้จะมาแนะนำสื่อ และบังเอิญว่าสื่อที่จะแนะนำ อยู่ในหมวดของ “สื่อสิ่งพิมพ์”


          ปัจจุบันนี้ “สื่อ” เข้ามามีบทบาทมากในการเรียนการสอน เพราะสื่อมีประโยชน์มากทั้งในด้านของ
  
      สื่อกับผู้เรียน



      1.สื่อเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสื่อทำให้การเรียนเป็นไปได้ง่ายขึ้น

      2.สื่อจะช่วยกระตุ้นและสร้างความสนใจให้กับผู้เรียน ถ้าผู้สอนเลือกสื่อที่ดี และเหมาะสมกับผู้เรียน

      3.สื่อช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนมากขึ้น เป็นการสร้างปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน  

      4.สื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องของความแตกต่างระหว่างบุคคล และสื่ออาจทำให้การเรียนการสอนบรรลุตามจุดมุ่งหมาย หรือใกล้เคียงมากที่สุด
     
     สื่อกับผู้สอน


     การใช้สื่อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบการเรียนการสอน เป็นการช่วยให้บรรยากาศ ในการสอนน่าสนใจยิ่งขึ้น และเป็นการกระตุ้นให้ผู้สอนเตรียมสื่อใหม่ๆ เพื่อใช้เป็นสื่อการสอน




          เห็นแล้วใช่ไหมค่ะว่า สื่อ มีความสำคัญต่อการเรียนรู้มากเลยทีเดียว หลายคนอาจจะยังไม่รู้นะ ว่าคณะศึกษาศาสตร์ มีศูนย์ให้ยืมสื่อด้วย ชื่อว่า "ศูนย์สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา" อยู่ที่ ชั้น 8 ห้อง 805

 

         วันนี้เลยจะมาแนะนำสื่อ ที่อยู่ภายในห้องให้ทุกๆคนได้ชมกันนะคะ เป็นสื่อประเภท "สื่อสิ่งพิมพ์" ที่อยู่ในหมวดหนังสือ "นิทาน" คะ 
 
หนังสือนิทานเรื่อง “ปลาหมึกน้อยผจญภัย”

 
         หนังสือนิทาน เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับเด็ก เพราะในหนังสือนิทานมีภาพประกอบในการอธิบายด้วยตัวอักษร ทำให้เด็กเข้าใจได้ง่าย หนังสือนิทาน ยังทำให้เด็กมีจินตนาการ ซึ่งจินตนาการสำคัญมาก เพราะจินตนาการ จะทำให้เด็กได้ฝึกทักษะในด้านความคิด ซึ่งเป็นการคิดที่นอกกรอบ เด็กๆสามารถคิดได้ในหลากหลายมุม บางทีภาพในหนังสือนิทาน เด็กๆก็อาจจินตนาการได้มากว่า คำพูดที่อธิบายเป็นตัวอักษร ดังคำกล่าวที่ว่า “จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้”

 
          

อธิบายด้วยตัวอักษรคงจะยังไม่ค่อยเข้าใจ วันนี้พิเศษสุดๆ เรามีวีดีโอมาให้ชมพร้อมกับการเล่านิทาน ไปชมกันเลย :D

 
 


 
          เป็นอย่างไรบ้างค่ะ กับสื่อที่แนะนำในวันนี้ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งภายในห้องศูนย์สื่อนะคะ ถ้าเพื่อนๆสนใจก็เชิญได้ที่ "ศูนย์สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา" อยู่ที่ ชั้น 8 ห้อง 805 ตึกคณะศึกษาศาสตร์ ค่ะ
 
 
          สุดท้าย ก็อยากจะฝากไว้ว่า “สื่อ” ก็เป็นเพียงตัวช่วย ที่จะทำให้การเรียนรู้ดีขึ้น หรือเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ว่า จะหวังพึ่ง “สื่อ” เพียงอย่างเดียวก็ไม่ถูกนะค่ะ เพราะการที่จะเรียนรู้ได้ดี มีอยู่หลายปัจจัย แต่ว่าที่สำคัญที่สุด ก็น่าจะเป็น ตัวของผู้เรียนค่ะ :D

 
..... วันนี้ สวัสดี :') .....
l l P O N Y P L O Y l l
 
 






8.11.2555

เพราะโลกไม่เคย "หยุดหมุน"



 สวัสดีค่ะ >>> ผู้อ่านทุกทุกคน ^^ 

       สมัยนี้  ใครไม่เคยใช้เทคโนโลยี ถือว่าเชยมากกกกกกก เพราะเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยี ถือว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ก็ว่าได้  ง่ายๆ ที่เห็นกันบ่อยๆ และเห็นกันทุกเช้า ทุกเย็น ก็คือ ชีวิตของคนกรุงเทพ ที่นั่งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน หรือรถบริการสาธารณะ แล้วจะต้องหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาาาาาา กด กด จิ้ม จิ้ม สไลค์ สไลค์ แล้วใส่หูฟัง ...............    นี่คงเป็นภาพที่ทุกคนชินตากัน ใช่ไหมค่ะ ?? 



     ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไป ยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นปัจจัยหนึ่งในชีวิต ทั้งด้าน การดำเนินชีวิต การงานการประกอบอาชีพ การแพทย์ และยังรวมไปถึง การศึกษา ซึ่งเทคโนโลยี ทำให้คนในยุคนี้ได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ทันสมัย ทันโลก ทันต่อเหตุการณ์
         

             การเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 คืออะไร ต้องมีทักษะอะไร ต้องเรียนอย่างไร ??  วันนี้เรามีวีดีโอ ที่จะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ มาให้ทุกทุกคนชมกันค่ะ J
 
 " ในศตวรรษนี้ เป็นยุคไอที จำนวนความรู้เพิ่มขึ้นมหาศาลอย่างรวดเร็ว และทุกวัน "


แนวคิดการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21

แนวคิดในการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 นอกจากการมีความรู้ทางวิชาการแล้ว ยังต้องปลูกฝักอีก 3 ทักษะ คือ

  •  ทักษะชีวิตและการทำงาน คือ ความยืดหยุ่นและการปรับตัว ารริเริ่มสร้างสรรค์และการเป็นตัวของตัวเอง ทักษะด้านสังคมและทักษะข้ามวัฒนธรรม การเป็นผู้สร้างหรือผลิตและความรับผิดชอบเชื่อถือได้ ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ
  •  ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม คือ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรม การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา การสื่อสารและความร่วมมือ
  •  ทักษะด้านสารสนเทค สื่อ และเทคโนโลยี คือ การใช้และประเมินสารสนเทศ อย่างเท่าทัน วิเคราะห์และเลือกใช้สื่อได้อย่างเหมาะสม ใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ

" เปลี่ยนเป้าหมายจาก " ความรู้ " เป็น " ทักษะ "
 " จาก " ครู " เป็นหลัก เปลี่ยนเป็น " นักเรียน " เป็นหลัก " 
" เรียนโดยการปฏิบัติ คือให้เด็กเรียนแบบลงมือปฎิบัติจริง ฝึกทักษะจริง จะทำให้เด็กได้ฝึกทักษะต่างๆ "   



         การเรียนการสอนใน ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นยุคแห่งเทคโนโลยี และถ้าจะมีสื่อที่เข้ามาช่วยในการเรียนการสอน สื่อนั้นก็จะต้องทันสมัย เหมาะสมกับยุคสมัย มีความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงเด็กได้ง่าย เราคิดว่า สื่อ ที่เหมาะสมกับ ยุคนี้ก็คงเป็น “ E-BOOK   

   e-book ย่อมาจากคำว่า electronic book คือ หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ไอแพต ไอโฟน หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับ ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์


ตัวอย่าง E-BOOK
 

       คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สามารถโต้ตอบกับผู้อ่านได้ สามารถแทรกภาพ เสียงประกอบหรืออ่านออกมาเป็นเสียงได้ เพื่อผู้พิการทางสายตาหรือผู้ที่ต้องการพักสายตา มีภาพเคลื่อนไหว ไม่ต้องใช้กระดาษในการผลิต ช่วยสิ่งแวมล้อม เพราะไม่ต้องมีการตัดต้นไม้ ไม่ต้องเดินทางไปร้านหนังสือเพื่อซื้อหนังสือ เพราะว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถอ่านหนังสือได้ อ่านได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง มีความสะดวกต่อการเผยแพร่และจัดพิมพ์เป็นเอกสาร สามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งหนังสือธรรมดาทำไม่ได้ ไม่ต้องพกหนังสือหลายๆเล่ม เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์แบบพกพา เช่น ไอแพต แท็บเล็ต ก็สามารถพกหนังสือติดตัวได้ทีละหลายๆเล่ม
 



ตัวอย่าง E-BOOK


       ข้อจำกัดของ E-BOOK  ย่างที่ทุกคนรู้กัน ว่า E-BOOK จะอ่านได้ ต้องอ่านผ่านมีเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเครื่องเหล่านี้จะต้อง
ใช้พลังงาน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่ ซึ่งถ้าพลังงานหมด ก็ไม่สามารถอ่านได้ การอ่านจากเครื่องอิเล็กทรอนิกส์นานๆ อาจทำให้เสียสุขภาพตาได้ เนื้อจากการอ่านจะต้องเลื่อนบรรทัด ทำให้โฟกัสตาไม่แน่นอน เหมือนอ่านจากหนังสือ และความสว่างจากหน้าจอเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ก็ส่งผลเสียต่อดวงตาเช่นกัน 


ตัวอย่าง E-BOOK ของ ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช : เรื่อง วิถีสร้าง การเรียนรู้เพื่อศิษย์ ในศตวรรษที่ 21

สามารถเข้าไปดูได้ที่ : http://learning.thaissf.org/document/media/media_396.pdf 



     ถ้าจะนำ E-BOOK มาใช้ในการเรียนการสอน จะต้องมีผู้ที่เชี่ยวชาญหรือนักเทคโนการศึกษา อยู่ในห้องเรียนด้วย เพราะจะต้องให้คำแนะนำ วิธีการใช้ เพื่อให้สื่อนี้ เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด การใช้ E-BOOK นอกจากจะนำมาเรียนในห้องเรียนแล้ว เด็กยังสามารถอ่านหนังสือที่เขาสนใจได้ ในทุกที่ ทุกเวลา ทำให้เด็กเกิดความตื่นตัว เป็นการกระตุ้นให้เด็กศึกษาหาความรู้ เพราะ   E-BOOK เป็นเทคโนโลยีใหม่ ทันสมัย สะดวกสบาย ซึ่งจะมาแทนการอ่านหนังสือแบบเก่า ที่ต้องเข้าห้องสมุด แล้วยืมหนังสือหนักๆ มาอ่าน บางครั้งหนังสือก็อาจไม่มี เนื่องจากมีผู้อื่นยืมไปก่อน หรือสภาพหนังสือเก่ามาก จนไม่น่าอ่าน E-BOOK จะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้แต่การจะอ่านหนังสือจาก E-BOOK จะต้องมีเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ในการอ่าน ไม่ว่าจะเป็น ไอแพต แท็บเล็ต สิ่งเหล่านี้ ต้องใช้พลังงาน ถ้าพลังงานหมดก็ไม่สามารถอ่านหนังสือได้ และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ มีราคาค่อนข้างสูง อีกทั้งถ้าอ่านติดดต่อกันเป็นเวลานานๆ จะทำให้เสียสุขภาพตาได้


 .........................................................................................


           เพราะกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป โลกไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ล้วนเปลี่ยนแปลง ในฐานะคนคนหนึ่งบนโลก เราพร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง หรือการพัฒนา ถ้าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ เหมาะสมหรือจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง แล้วคุณละ คุณพร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงแล้วหรือยัง ?? …........


" เพราะคงไม่มีอะไร อยู่ได้ยั่งยืน โดยไม่เปลี่ยนแปลง "



                                                                                         ..... วันนี้ สวัสดี :') .....
                                                                                          l l P O N Y P L O Y l l